ข้อมูลท่องเที่ยวเกาหลี

Last updated: 24 ต.ค. 2560  |  2647 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ข้อมูลท่องเที่ยวเกาหลี

ประเทศเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ ได้รับสมญานามว่าเป็น “ดินแดนแห่งความสงบยามเช้า (The Land of Morning Calm)” หรือ “โคโยฮัน อาชิมเอนารา” ในภาษาเกาหลี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมที่สืบทอดต่อกันมายาวนานถึง 5,000 ปี
อาณาเขต 99,500 ตารางกิโลเมตร

ประชากร เกาหลีใต้มีจำนวนประชากร 48,482,000 คน มากเป็นอันดับที่ 26 ของโลก ซึ่งข้อมูลนี้สำรวจโดย United States Census Bureau ประจำปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007)

ภูมิประเทศ 
ประเทศเกาหลีใต้ตั้งอยู่ ละติจูดที่ 33 – 39 องศาเหนือ และ ลองจิจูดที่ 125 – 131 องศาตะวันออก มีพื้นที่ทั้งหมด 99,208 ตารางกิโลเมตร รวมพื้นที่ของน้ำ (ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ) ที่อยู่ภายในดินแดนนั้นด้วยโดย 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศเป็นภูเขาซึ่งขนาดเนื้อที่ของ ประเทศเกาหลีใต้นั้น ใหญ่เป็นอันดับที่ 108 ของโลก

คาบสมุทรเกาหลีทอดตัวไปทางทิศใต้ทางด้านตะวันออกของทวีปเอเชีย มีความยาว 1,000 กิโลเมตร (612 ไมล์) และกว้าง 216 กิโลเมตร (134 ไมล์) ณ จุด ที่แคบที่สุดของคาบสมุทร พื้นที่ 70% ของประเทศเป็นเทือกเขามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของแผ่นดินที่เป็นหินแกรนิตและหินปูนทำให้เกิดภูมิประเทศที่สวยงามอย่างมหัศจรรย์ ประกอบด้วยเทือกเขาและหุบเขา เทือกเขาตลอดชายฝั่งด้านตะวันออกสูงชันและทอดตัวลงสู่ทะเลตะวันออก ในขณะที่ชายฝั่งทางด้านใต้และตะวันตก เทือกเขาค่อย ๆ ลาดลงต่ำสู่ที่ราบชายฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี โดยเฉพาะในด้านการผลิตข้าว

คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ที่บริเวณเหนือเส้นขนานที่ 38 คือ ประเทศระบอบประชาธิปไตยสาธารณรัฐเกาหลีอยู่ทางใต้ และประเทศระบอบคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือ โดยถูกคั่นกลางโดยเขตปลอดทหาร มีประชากร 48.7 ล้านคน (พ.ศ.2552) ประกอบด้วย 9 จังหวัด (โด) กรุงโซลเป็นเมืองหลวงของประเทศ และประกอบด้วยเมืองใหญ่ ๆ 6 เมือง คือพูซาน แทกู อินชน ควางจู แทจอน และ อุลซาน รวมมีเมืองทั้งหมด 77 เมือง (ซี) 88 มณฑล (กุล) ใน 9 จังหวัด

จังหวัดเคียงจิโด (Gyeonggi-do) เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงกรุงโซล เมืองชูวอน เมืองอินชอน เมืองบูชอน เป็นต้น
จังหวัดคังวอนโด (Gangwon-do) มีเมืองซกโซ เมืองคังนึง
จังหวัดชุงชองนัมโด (Chungcheongbuk-do) ที่มีเมืองซูอันโบ
จังหวัดชอลลาบุกโด (Jeollbuk-do)
จังหวัดชอลลานัมโด (Jeollanam-do) มีเมืองกวางจู
จังหวัดเคียงซังบุกโด (Gyeongsangbuk-do)มีเมืองแดกู เคียงจู อันดง
จังหวัดเคียงซังนัมโด (Gyeongsangnam-do) มีเมืองปูซาน อุลซาน
จังหวัดเชจูโด (Jeju-do) เกาะเชจูที่ตั้งอยู่ทางใต้สุด

สภาพอากาศ
อุณภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี ที่เกาหลีจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล

ฤดูใบไม้ผลิ ของเกาหลี ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ยช่วงนี้ 6 ถึง 16องศา ช่วงนี้จะมีดอกไม้ค่อนข้างเยอะและสวยงาม ดอกไม้จะเริ่มผลิใบและแสงแดดกำลังสวยงาม เดินทางไปช่วงนี้ก็อากาศสบายๆ ใส่เสื้อผ้าสบายๆได้
ฤดูร้อน ของเกาหลี ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ย 22 ถึง 38 องศา ขอบอกว่าช่วงนี้อากาศร้อนเหมือนบ้านเราเลย แต่อาจจะมีฝนตกบางวัน และช่วงนี้ต้นไม้จะเป็นสีเขียว ต้นหญ้าสีเขียว เดินทางช่วงนี้สำคัญเลยคือการพกร่มติดตัวไปด้วย แต่โดยเฉลี่ยส่วนมาราคาห้องพักตั๋วเดินทางต่างจะราคาถูกก็ช่วงนี้แหละ
ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีของเกาหลี ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย ของเกาหลี 5 ถึง 25 องศา ขอบอกว่าเกาหลีช่วงนี้อากาศสดชื่นมากๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้เปลี่ยนสี อย่างสวยงาม สำคัญคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนชอบในการเดินทางเที่ยวเป็นอย่างมากอะไรอะไรก็แพ๊งแพงแต่ก็คุ้มค่ากับราคา การแต่งกายนั้นจัดเต็มได้เลย เสื้อผ้าสีสันสวยงามถ่ายรูปกับธรรมชาติหลากสี
ฤดูหนาว ของเกาหลี ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี -5 ถึง -20องศา อากาศของเกาหลีช่วงนี้จะแห้งและหนาวมาก เกาหลีหนาวจัด เกาหลีหนาวเวอร์ เกาหลีหนาวเหน็บ หรืออาจจะมีหิมะตกด้วยบางวัน สำคัญเลย การแต่งกายช่วงนี้เตรียมเสื้อผ้าที่สามารถทำความอุ่นให้ร่างกายได้มากที่สุด และอย่าลืมเตรียมแผ่นร้อนไปด้วยก็จะดี เดินทางช่วงนี้ห้ามพลาดกับการเล่นสกีล่ะ เด็ดมากๆ สำหรับฤดูกาลนี้ของเกาหลี
ภาษาเกาหลี
ภาษาเกาหลี (한국어/조선말) เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป
 
อักษรเกาหลี เรียกว่าอักษรฮันกึล ใช้แทนเสียงของแต่ละพยางค์ นอกจากนี้ใช้ยังตัวอักขระแบบจีนเรียกว่าอักษรฮันจา ในการเขียนด้วย ในขณะที่คำศัพท์ที่ใช้กันส่วนใหญ่เป็นคำภาษาเกาหลีแท้ โดยที่มีคำศัพท์มากกว่า 50% มาจากภาษาจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม

เงินเกาหลี
สกุลเงินของเกาหลี มีหน่วยเป็น “วอน” (Won) ถ้านำมาเทียบกับเงินบาทไทย 1 วอนจะมีค่าเท่ากับ 0.033 บาท 

สามารถแลกได้ตามธนาคารทั่วๆไปหรือตามเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราที่สนามบินก็ได้ แนะนำว่าควรจะคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกาหลีให้เพียงพอ เพราะที่เกาหลีหาที่แลกเงินค่อนข้างลำบาก และไม่ควรแลกเผื่อไว้เยอะเพราะถ้านำมาแลกเงินบาทคืน จะขาดทุนค่อนข้างเยอะ อัตราที่ธนาคารรับแลกคืนจะอยู่ราวๆ 0.030 บาทต่อ 1 วอน คิดง่ายๆถ้าเหลือเงินคืนมา 1,000 วอน ที่มันเคยมีมูลค่า 33 บาท
ถ้ามีเงินยูเอสดอลล่าร์ นำไปแลกที่เกาหลี จะได้ราคาค่อนข้างดี
การคมนาคม 
ในประเทศเกาหลีใต้ มียานพาหนะไว้บริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ เรือ รถไฟ หรือเครื่องบิน ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับระยะทาง

รถโดยสารประจำทางภายในเมือง
เป็นอีกหนทางหนึ่งของการเดินทางในเกาหลีใต้ ที่ค่าใช้จ่ายถูกที่สุด ซึ่งจะมีให้บริการอยู่ในตัวเมืองและบริเวณชานเมือง ซึ่งรถโดยสารประจำทางในกรุงโซลนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 สี ตามพื้นที่ที่แต่ละสีครอบคลุม

การจ่ายค่าโดยสาร มีด้วยกัน 3 วิธี คือ..
ซื้อตั๋วจากจุดจำหน่ายใกล้ๆ กับป้ายรถประจำทาง
จ่ายเป็นเงินสด
ใช้บัตรโดยสาร ซึ่งบัตรโดยสารนี้สามารถใช้กับรถไฟใต้ดินได้ด้วย
ส่วนการใช้บริการรถโดยสารประจำทางนั้นง่ายมาก เพียงขึ้นรถทางประตูด้านหน้า และหยอดเงิน หรือตั๋วโดยสารลงในกล่องข้างๆ คนขับรถหรือวางบัตรโดยสารลงบนตัวเซ็นเซอร์ เมื่อต้องการลงให้กดปุ่มซึ่งอยู่ภายในรถโดยสาร และลงทางประตูด้านหลัง
 
รถโดยสารประจำท้องถิ่น
รถโดยสารนี้จะเดินทางเชื่อมต่อกับ 2 ภูมิภาคที่มีระยะทางไกลหรือปานกลางมีสถานีปลายทางของรถโดยสารทางไกลอยู่หลายสถานี ในเมืองใหญ่ ผู้โดยสารอาจใช้บริการสถานีที่ใกล้ที่สุด และสามารถซื้อตั๋วได้ที่จุดจำหน่าย หรือทำการจองล่วงหน้า  รถโดยสารด่วนสำหรับระยะทางไกล  รถโดยสารด่วนนี้เหมาะสำหรับระยะทางไกล เช่นเดียวกันกับรถโดยสารประจำท้องถิ่น แต่สิ่งที่ต่างกัน คือ รถโดยสารด่วนนี้จะเดินทาง บนทางหลวง (หรือถนนไฮเวย์) ซึ่งในแต่ละเมืองจะมีสถานีปลายทางของรถโดยสารด่วน เพียง 1 สถานี
 
รถไฟใต้ดิน
ระบบรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั้น มีความก้าวหน้ามาก และวิ่งตามตารางเวลาปกติด้วยราคาที่ไม่สูงนัก สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้ที่จุดจำหน่าย โดยบอกสถานีปลายทางที่ต้องการลงแก่พนักงาน หรือจะใช้บัตรโดยสารก็ได้ ซึ่งค่าโดยสารก็ขึ้นอยู่กับสถานีปลายทางนั่นเอง นอกจากกรุงโซลแล้ว ในเมืองพูซาน แทกู และแทจอน ก็มีรถไฟใต้ดินเช่นกัน โดยระยะเวลาปกติที่รถไฟใต้ดินให้บริการ คือ 5.30 – 24.00 น. อีกทั้ง ทุกเส้นทางจะมีระบุทั้งภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ และทุกครั้งที่รถหยุด ก็จะได้ยินเสียงประกาศบอกสถานีเป็นภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษเช่นกัน
 
รถแท็กซี่  
รถแท็กซี่จะมีค่าบริการแพงกว่า เมื่อเทียบกับรถโดยสารประจำทางหรือรถไฟใต้ดิน แต่ข้อดี คือ มีความสะดวกสบาย สะอาด ปลอดภัย และสามารถให้บริการได้แม้ยามค่ำคืน หรือยามที่ผู้โดยสารไม่ทราบเส้นทางว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร ซึ่งคนขับรถแท็กซี่บางส่วนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ สำหรับค่าโดยสาร จะขึ้นอยู่กับเวลาและระยะทางที่ใช้ไป โดยจะแสดงไว้บนมิเตอร์ และการใช้บริการรถแท็กซี่ สามารถโบกมือเรียกได้ตามถนน หรือจะยืนรอที่ป้ายจอดรถแท็กซี่ซึ่งจะมีอยู่ทั่วไปตามเขตเมืองก็ได้ และยังสามารถเรียกทางโทรศัพท์ได้อีกด้วย แต่ราคาจะค่อนข้างแพงกว่า ซึ่งตามกฎหมาย หากนั่งทางด้านหน้า ผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัย นอกจากนี้ การให้ทิปไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่ถ้าผู้โดยสารต้องการก็สามารถทำได้
 
รถไฟ
รถไฟจะวิ่งตามตารางเวลาปกติ เหมาะสำหรับการเดินทางไกล นอกจากรถไฟด่วน (KTX) ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2004 ก็มีรถไฟสายเซมาอึล  และสายมูกุงฮวา KTX เป็นรถไฟที่เร็วที่สุด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีคุณภาพและให้บริการเป็นอย่างดี และจะหยุด ณ สถานีที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนมูกุงฮวาเป็นรถไฟสายที่ช้าที่สุดและหยุดเกือบทุกสถานี การซื้อตั๋วโดยสาร สามารถทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น ซื้อที่สถานีรถไฟ, ซื้อทางอินเตอร์เน็ต, ซื้อตามสถานที่ต่างๆที่จำหน่ายตั๋ว หรือจะทำการจองตั๋วล่วงหน้า ก็ได้เช่นกันบัตรโดยสารที่ใช้สำหรับรถโดยสารประจำทางภายในเมืองและรถไฟใต้ดิน สามารถซื้อบัตรได้ที่จุดจำหน่าย หรือคนขายตั๋วที่ป้ายจอดรถโดยสาร ในราคา 2,000 วอน จากนั้นทำการเติมเงินบัตรโดยสารตามจำนวนที่ต้องการ เวลาใช้บัตรให้วางบนตัวเซ็นเซอร์ และสามารถเติมเงินบัตรโดยสารได้ตลอด ณ จุดจำหน่ายตั๋วที่รถไฟใต้ดิน, หรือคนขายตั๋วบริเวณที่จอดรถโดยสาร หากไม่จำเป็นต้องใช้บัตรโดยสารแล้ว สามารถคืนบัตรที่จุดจำหน่ายใดก็ได้ พนักงานจะทำการคืนเงิน 2,000 วอนค่าบัตร และเงินที่คงเหลือในบัตรให้​
 
ไฟฟ้า
เกาหลี ใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลท์ เหมือนบ้านเรา ปลั๊กไฟส่วนใหญ่จะเป็นรูกลมเล็ก 2 รู จำพวกที่ชาร์จแบตมือถือ กล้องถ่ายรูป กล้องวดีโอจากเมืองไทยนำไปใช้ได้ ถ้าไม่มีปลั๊กหัวกลม ก็หาซื้อหัวแปลกปลั๊กไฟไปด้วย


เที่ยวอะไรในเกาหลี
1.  กรุงโซล มีพระราชวังหลักทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วยพระราชวังเคียงบกที่ใหญ่โตที่สุด, พระราชวังชางด็อกคุงที่สวยงามที่สุด, ศาลเจียวชงเมียว ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก, วัดโชเกชา, วัดพงอึนชา, พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเกาหลี, อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและหมู่บ้านของเกาหลีในอดีต รวมทั้งตลาดดังอีกหลายๆแห่งที่พลาดไม่ได้ไล่ตั้งแต่ ตลาดทงแดมุน ตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง ตลาดอินซาดง ตลาดอิเทวอน 

​ถ้าชอบสวนสนุกก็มีทั้งเอเวอร์แลนด์ ลอตเต้เวิลด์ ที่สนุกได้ไม่เบื่อทั้งวัน 
ถ้าชอบเดินห้างก็มีห้างใหญ่ไฮโซ ให้เลือกเดินมากมาย
2.  เมืองรอบๆ กรุงโซล ที่โดดเด่นและน่าไปเยี่ยมมองที่สุดคือ 
เมืองซูวอน เที่ยวป้อมปราการฮวาซอง
เมืองชุนชอน มีเกาะนามิ ตามรอยละครดัง Winter Love Song เพลงรักในสายลมหนาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปเยือนอยู่ไม่ขาดสาย
เมืองยางจู ที่อยู่ทางตอนเหนือกรุงโซล ก็มีโรงถ่ายละครแดจังกึม ของสถานีโทรทัศน์ MBC ที่ฮิตเปรี้ยงปร้างอีกเรื่องในบ้านเราและทั่วเอเชีย
เมืองอินชอน นอกจากชายทะเลแล้วยังเป็นที่ตั้งของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกอีกแห่งนั่นคือสนามบินอินชอน
3. เมืองซกโซ อันเป็นเมืองหน้าด่านที่จะพาเราขึ้นไปพิชิตยอดเขาซอรักซาน ในอุทยานแห่งชาติเขาซอรักซาน ที่สวยที่สุดไปคนละแบบในแต่ละฤดู รวมทั้งชายทะเลของ เมืองหยางหยางและคังนึง ก็ไปเดินเล่นได้โดยได้โดยปราศจากสิ่งรบกวนทางสายตา ไม่ว่าจะเป็นร่มหรือเตียงผ้าใบ และหาปลาหมึกสดย่างรับประทานได้
 
4. เมืองอันดง สถานที่จัดงานระบำหน้ากาก ที่จัดราวเดือนตุลาคมของทุกปี รวมทั้ง หมู่บ้านฮวาเฮว ที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลี สุดยอดที่สุดเห็นจะเป็น เมืองเคียงจู เป็นมรดกโลก ที่ได้ฉายาว่าเมืองพิพิธภัณฑ์ไร้กำแพงเพราะโบราณสถานและสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ต่างก็กระจายอยู่ที่โล่งต่างๆทั่วเมือง รวมทั้งวัดพุลกุกซาและถ้ำซอกกูรัม ที่ตั้งอยู่บนเขา
 
5. เมืองปูซาน เมืองชายทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศนั้น มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย รวมทั้งชายทะเลและตลาดค้าส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้รับเกียรติให้จัดการต่างๆระดับนานาชาติหลายๆงานอยู่เป็นประจำ
 
6. เมืองซูอันโบ ที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำแร่ธรรมชาติ ทะเลสาบชงจูโฮ ที่เราสามารถนั่งเรือชมโขดหินที่รูปทรงแปลกตาได้ไม่มีเบื่อ รวมทั้งถ้ำโคสุ ถ้ำที่ลึก สูงและยาวที่สุด ซึ่งได้จัดเส้นทางให้เราเข้าไปชมความงามของหินงอกหอนย้อยได้ตามสบาย
เมืองแทจอน ถือว่าเป็นเมืองแห่งวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นที่ตั้งของสวน แทจอน เอ็กซ์โป ที่เมืองนี้รับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเมื่อปี ค.ศ.1993 แม้จะเลยผ่านมาหลายปี สถานที่จัดงานก็ยังคงยังก็ยังคงจัดแสดงนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างน่าสนใจเหมือนกัน
เมืองคิมซัน ทางตอนใต้ของมณฑลแทจอน ก็เป็นแหล่งปลูกโสมที่ดีที่สุดในเกาหลีทุกสัปดาห์จะมีตลาดนัดซื้อขายโสมที่ตลาดคิมซัน
7. เมืองกวางจู เมืองทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ นั้นมีชื่อเสียงทางด้านการทำกิมจู ถึงกับมีเทศกาลการทำกิมจู ทุกๆปีราวเดือนพฤศจิกายน ส่วนที่ เมืองมกโพ เมืองชายทะเลก็มีเทศกาลพอกโคลนทุกปีเช่นกัน
 
8. เกาะเชจู ขึ้นชื่อในความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะขุนเขา ท่ามกลางอากาศเย็นสบายๆ หน้าร้อนก็ไม่ร้อนจนเกินไป ส่วนหน้าหนาวก็ไม่หนาวเหน็บขนาดมีหิมะตก ริมทะเลก็มีชายหาดสวย รวมทั้งน้ำตกและถ้ำก็มีกระจายทั่วเกาะ รวมทั้งมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านให้เราได้ศึกษาวิถีชีวิตของคนเกาหลีในอดีต อีกด้วย
ของฝากจากเกาหลี

โสมเกาหลี(GINSENG) ตำราทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หยางของจีนกล่าวไว้ว่า โสม ที่มีคุณภาพดีที่สุดอยู่ในเกาหลี โสมเกาหลีจึงมีราคาสูงเป็นพิเศษ เพราะเป็นโสมบำรุงพลังวังชาดั่งยาทิพย์ เพาะปลูกได้ยากมากไม่เพียงแต่มันโตช้ามาก แต่พื้นที่ที่เคยใช้เพาะปลูกจะต้องถูกทิ้งไว้นานถึง 15 ปี หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์อาหารสมุนไพรต่างๆ เช่น ชาโสม ผงโสมยอดนิยมหรือ โสมสกัดเข้มข้น เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่คำนึงถึงสุขภาพ
กิมจิ(KIMJI) กิมจิจัดว่าเป็นเครื่องเคียงประจำโต๊ะสำหรับอาหารเกาหลีทุกมื้อก็ว่าได้ คู่กับข้าวสวยร้อนๆ กิมจิเป็นอาหารประเภทหมักดอง ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีส่วนของเครื่องปรุงที่ประกอบด้วย ผักต่างๆ ซอสมีรสเค็ม พริกแดงและกระเทียมผสมคลุกเคล้ากันอย่างดีจนมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น และประเพณีการปรุงของแต่ละภาค กิมจิ มีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย กิมจิน้ำ และกิมจิผักกาดขาว เป็นที่นิยมในฤดูใบไม้ผลิ กิมจิแตงกวาสอดไส้ และกิมจิยอดหัวไช้เท้าอ่อน สำหรับฤดูร้อน ส่วนกิมจิหัวกะหล่ำ กิมจิหัวไช้ท้าว และ กิมจิอัลตาริ จะนิยมรับประทานในฤดูใบไม้ร่วง สำหรับ กิมจิ หลากหลายชนิดนั้นจะพบได้ในฤดูหนาว ซึ่งจะเก็บกักตุนไว้เรียกว่า กิมจัง
สาหร่ายหิน(DOLGIM) กิม ในภาษาเกาหลี คือ สาหร่าย สาหร่ายเกาหลีถือว่าเป็นแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับผู้รักสุขภาพเนื่องจากว่าปัจจุบันนี้น้ำและอากาศที่ทำให้เกิดมลภาวะอากาศเป็นพิษ ประเทศ เกาหลี ใต้มีสภาพภูมิประทศเป็นภูเขาถึงร้อยละ 70 จึงมีน้ำแร่ธรรมชาติอยู่ทั่วไปของประเทศ โดยเฉพาะในเขตทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ น้ำแร่เหล่านี้จะชำระแร่ธาตุต่างๆ ของดิน ลงไปยังทะเล สาหร่ายป่าธรรมชาติเหล่านี้จะได้รับสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ เมื่อเรารับประทานสาหร่ายเราจะได้รับแร่ธาตุสารอาหารที่จะช่วยให้เลือดของเราเป็นด่างมากขึ้น สาหร่ายอบแห้งโดกิม เพราะต้องผ่านการอบด้วยน้ำมันงาที่บริสุทธิ์และเกลืออนามัยในอุณหภูมิที่ความร้อนสูง ถือว่าเป็นอาการสุดยอดชนิดหนึ่งเนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการที่สูง เนื่องจากช่วยลดคลอเรสเตอรอล เป็นแหล่งวิตามินบี 5  และ บี 2 บี 1  และบีรวม รวมถึงแร่เหล็กซึ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคหัวใจ สำหรับใครก็ตามที่ทานสาหร่ายอบแห้งกรอบเพื่อสุขภาพนี้ ประมาณ 1 กิโลกรัม หมายถึงการบริโภคผักสดประมาณ 5 กิโลกรัม และสาหร่ายของเกาหลีมีความแตกต่างจากญี่ปุ่นในเรื่องของการผลิตที่ใช้น้ำมันงาและเกลือในการแต่งรส ส่วนญี่ปุ่นจะใช้ซอสในการแต่งรส
อัญมณีและเครื่องประดับ อัญมณีที่มีชื่อเสียงของเกาหลีหรือเขี้ยวหนุมาน (Amethyst) และบุษราคัม (Smoky Topaz) ซึ่งมีขายทั้งเม็ดร่วงและในรูปของเครื่องประดับต่างๆ เช่น ต่างหู สร้อยคอ แหวน และอื่นๆ ซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือโรงงานผู้ผลิตหรือ ดิวตี้ฟรี
สินค้าของที่ระลึกพื้นเมือง เช่น พวงกุญแจ แก้วน้ำ แก้วเหล้า ชุดน้ำชา กลอง ตุ๊กตาเกาหลี ช้อน ตะเกียบ ชามข้าว กระเป๋าสตางค์ ปากกา เป็นต้น ควรซื้อที่รถกะบะเล็กตามหน้าร้านอาหาร เพราะจะได้ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อที่อื่นๆ
ระเบียบการเข้าเมือง

คนไทยสามารถเข้าไปในเกาหลีโดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ได้นานถึง 90 วันใช้เพียงพาสปอร์ต ที่มีอายุอย่างน้อย 6 เดือนเท่านั้น โดยขั้นตอนการเข้าเมืองมีเอกสารที่ตะต้องกรอกดังนี้
แบบสอบถามสุขภาพ (Health Questionnaire) เนื่องจากเกาหลีใต้ ยังคงมีการระบาดของโรคไข้หวัดนกและเฝ้าระวังโรคซาร์สอยู่ แบบฟอร์มนี้จึงจำเป็น ถ้าอยากเข้าเมืองได้โดยสะดวก นอกจากรายละเอียดของตัวเราแล้ว ก็ไม่ต้องไปขีดหรือกากบาทลงในช่องชื่อโรคต่างๆ
แบบฟอร์มขอเข้าเมือง (lmmigration Card) ที่จะต้องยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับพาสปอร์ต แบบฟอร์มนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงให้ระบุโรงแรมหรือที่พักในเกาหลีและรายละเอียดเพียงเล็กน้อยให้ครบถ้วน
ใบสำแดงสิ่งของศุลกากร (Customs Declaratiom) ที่จะต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรหลังจากที่เรารับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก่อนออกมาด้านนอกส่วนผู้โดยสารขาเข้า เราไปเที่ยวขีด/ในช่อง NO ทุกข้อ เท่านี้ก็ผ่าน
วิธีผ่าน ต.ม.เกาหลี
ในอดีตที่ผ่านมา การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เกาหลี อาจมีความยุ่งยาก เนื่องจากข้อกำหนดที่ไม่ต้องขอวีซ่า จึงไม่มีการกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าเกาหลีตั้งแต่ประเทศต้นทางก่อน จึงมีผู้แอบเข้าไปทำงานในเกาหลีอยู่เสมอๆ จึงทำให้ ต.ม.ที่เกาหลีระแวงคนไทยเราว่าจะลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยแรงงานโดยอาศัยแฟงตัวไปกับกรุ๊ปทัวร์บ้าง ไปในคราบนักท่องเที่ยวบ้าง ถ้าตรวจสอบแล้วไม่แน่ใจจริงๆจึงถูกปฏิเสธการเข้าเมืองอย่างช่วยไม่ได้
ปัจจุบันทางรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ก็ได้แก้ไขปัญหานี้ โดยการให้จำนวนโค้วต้าแรงงานที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในเกาหลี โดยผ่านรัฐบาลต่อรัฐบาล และต้องฝึกภาษาเกาหลีผ่านด้วย จึงเข้าไปทำงานในเกาหลีได้ โครงการที่ว่านี้คือโครงการ EPS 
ปัจจุบันนี้ เกาหลีเอาจริงเอาจังกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวองประเทศ ต้องการเงินตราจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้จ่ายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ต้องใช้หนี้กองทุนเงินสำรองระหว่างประเทศ หรือ IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในเอเชีย จึงไม่มีความจำเป็นอันใดเลย ที่จะกีดกันนักท่องเที่ยว ที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีจริงๆ
นับตั้งแต่เกาหลีได้เป็นเจ้าภาพจัดงานจัดงานกีฬาระดับโลกอย่างกีฬาโอลิมปิก เอเชี่ยนเกมส์ และเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลกในปี 2002 ที่ผ่านมา เกาหลีก็อ้าแขนและยินดีต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนจากภูมิภาคต่างๆของโลก ที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเกาหลี เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
แต่ถ้าจะให้มั่นใจว่าผ่าน ต.ม.แน่ๆ แนะนำว่า....
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ให้มองดูดีมียี่ห้อนิดหนึ่ง 
เตรียมนามบัตร ไว้แสดงว่าเรามีตำแหน่งหน้าที่การงาน
เตรียมเงินสดไว้ในกระเป๋าจำนวนพอสมควร พร้อมบัตรเครดิต
ประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆในชีวิตประจำวัน
ยิ้มและมองตาแสดงความจริงใจว่า "ฉันมาเที่ยวนะ ไม่ได้หลบหนีเข้าเมือง"
ใบจองโรงแรม ที่พัก ตั๋วเครื่องบินขากลับและแผนการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีคร่าวๆ
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี
(KTO : Korea Tourism Organization) ประจำประเทศไทย
 
********************
เกาะนามิ.. เกาะสวรรค์แห่งความโรแมนติก

เกาะนามิ (Namiseom)
เกาะนามิ (남이섬, นามีซ็อม) เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบชองเพียง ในเมืองแกปยองทางตะวันออกของกรุงโซล เกาะเล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ มีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ลักษณะเป็นพื้นที่ราบ ไม่มีภูเขา ลักษณะรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ แต่ก่อนรู้จักเฉพาะคนเกาหลี แต่หลังจากละครเรื่อง "Winter Sonata หรือ Winter Love Song (เพลงรักในสายลมหนาว)" ที่สร้างกระแสเนรมิตเกาะแห่งนี้ในการถ่ายทำ ได้ออกฉายฮิตระเบิดไปในหลายๆ ประเทศในแถบเอเชีย นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ก็หลั่งไหลไปตามรอยละครเรื่องนี้กันจนล้นเกาะนามิเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลีใต้

เกาะนามีได้ชื่อตามนายพลนามี ที่รับราชการตั้งแต่อายุ 17 ปี บิดาอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ ส่วนมารดาเป็นเจ้าฟ้าหญิง เขานำทัพกวาดล้างจลาจลในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศได้ทั้งหมด และได้รับตำแหน่งสูงเมื่อยังมีอายุเพียง 26 ปี แต่หลังจากเปลี่ยนรัชกาลใหม่ เขาก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ และถูกประหารชีวิตพร้อมกับมารดาและพวกรวม 25 คน ต่อมา หลังผลัดเปลี่ยนรัชกาลใหม่อีกครั้ง ได้มีการพิสูจน์พบว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดล้วนเป็นเท็จ เขาจึงได้รับคืนยศถาบรรดาศักดิ์ดังเดิม

เกาะแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามไปด้วยต้นเกาลัดและทิวสนเรียงราย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้ต่างเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงาม และมีสุสานของนายพลนามี ซึ่งยังคงตั้งอยู่ ณ เกาะแห่งนี้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้