7 จุดเช็คอินในลอนดอน

Last updated: 7 ก.ค. 2564  |  1105 จำนวนผู้เข้าชม  | 

7 จุดเช็คอินในลอนดอน

1.พิพิธภัณฑ์อังกฤษ British Museum



พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แรกเริ่มนั้น Sir Hans Sloane นายแพทย์-นักธรรมชาติวิทยา ผู้เป็นนักสะสมตัวยง ได้รวบรวมของสะสมของเขาไว้กว่า 71,000 ชิ้น เช่น หนังสือเก่า หนังสือภาพ ด้านธรรมชาติวิทยา เหรียญ ภาพพิมพ์ ภาพวาด เครื่องไม้เครื่องมือเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ ฯลฯ เขาปรารถนาว่า อยากให้ยังมีการเก็บรักษาไว้หลังจากตนเสียชีวิตไปแล้ว

2.พระราชวังบักกิงแฮม Buckingham Palace


พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) เดิมชื่อ คฤหาสน์บักกิงแฮม เป็นพระราชวังที่เป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ ตั้งอยู่ที่กรุง ลอนดอน ในสหราชอาณาจักร เป็นพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับของราชินีของอังกฤษ โดยประกอบไปด้วยห้องหับทั้งหมด 775 ห้อง แบ่งเป็นห้องรับรอง 19 ห้อง, ห้องนอน 52 ห้อง, ห้องพนักงาน 188 ห้อง, ห้องสำนักงาน 82 ห้อง และห้องน้ำอีก 78 ห้อง เป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงรับรองของรัฐ และยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่หนึ่งของกรุงลอนดอน และยังเป็นที่รวมพลังใจทั้งในการฉลองและในยามคับขันของชาวอังกฤษ พระราชวังบักกิงแฮมแต่เดิมชื่อ "คฤหาสน์บักกิงแฮม" (Buckingham House) สิ่งก่อสร้างเดิมเป็นคฤหาสน์ที่สร้างสำหรับจอห์น เชฟฟิลด์ ดยุค แห่งบักกิงแฮมในปี ค.ศ. 1703 ในปี ค.ศ. 1761 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3ทรงซื้อจากดยุคแห่งบักกิงแฮมเพื่อเป็นพระราชฐานส่วนพระองค์ ที่รู้จักกันในชื่อ "วังพระราชินี" (The Queen's House) ระยะ 75 ปีต่อมาเป็นเวลาที่มีการขยายต่อเติมพระราชวังโดยสถาปนิกจอห์น แนช (John Nash) และ เอ็ดเวิร์ด บลอร์ (Edward Blore) เป็นสามปีรอบลานกลาง พระราชวังบักกิงแฮมกลายมาเป็นพระราชฐานที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1837 การต่อเติมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายทำในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมทั้งด้านหน้าที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน บางครั้งพระราชวังบักกิงแฮมก็เรียกกันเล่นๆ ว่า "บักเฮาส์"

3.ทาวเวอร์บริดจ์ Tower Bridge



สะพานทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge) สะพานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอน โดยมีลักษณะเป็นสะพานยกและสะพานแขวนอยู่รวมกัน ทั้งยังประกอบไปด้วยหอคอย 2 หอ ทำให้สะพานแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สะพานหอคอย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงลอนดอน ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่พลาดที่จะแวะมาชมความสวยแปลกตาของที่นี่ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน คือ สะพานที่มีรูปแบบของสะพานยกและสะพานแขวนอยู่รวมกัน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นในระหว่าง ค.ศ. 1886-1894 ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1894 เพื่อเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ และแก้ไขปัญหาจราจรที่หลั่งไหลเข้าเมืองอย่างหนาแน่น สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับหอคอยแห่งลอนดอน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสะพานว่า "ทาวเวอร์บริดจ์" หรือ "สะพานหอคอย" และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน

4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ National History Museum



เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่รวบรวมหลักฐานและชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกที่เก่าแก่หลายล้านปี ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1881 จัดแสดงอยู่ภายในอาคารที่สวยงามอย่างกับพระราชวัง
ภายใน Natural History Museum ก็มีการตกแต่งประดับประดาที่สวยงามไม่แพ้ภายนอก ในส่วนของการจัดแสดงจะแบ่งออกเป็นหลายๆ โซนให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมตามความสนใจ ตั้งแต่โซนแรก ก็คือ
Red Zone ซึ่งโซนนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ การกำเนิดโลก การเกิดภูเขาไฟและแผ่นดินไหว
Green Zone โซนนี้จะมีสัตว์หลายชนิดด้วยกัน ได้แก่ สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น

Orange Zone เป็นโซนของ Charles Darwin เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีรูปปั้นใหญ่ๆ ของท่านตั้งอยู่ในบริเวณนั้น และโซนสุดท้าย ถือว่าเป็นโซนที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ไม่น้อยเลย ก็คือ “โซนไดโนเสาร์” นั่นเอง ซึ่งในโซนนี้ ก็จะมีกระดูกไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่

5.ตึกรัฐสภาเวสต์มินเตอร์ Houses of Panlimant



 ในอดีตเคยเป็นพระราชวัง Westminster ของเชื้อพระวงศ์อังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มาก่อน แต่ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง รวมทั้งเหตุการณ์ไฟไหม้พระราชวัง สถานที่แห่งนี้จึงได้กลายเป็นรัฐสภาตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีจนถึงระดับสว.ลงไป เพียงแค่ได้เห็นสถาปัตยกรรมจากภายนอกก็สวยจนชวนให้ตกตะลึงแล้ว ยิ่งมีแม่น้ำเทมส์และหอนาฬิกาบิ๊กเบนอยู่ล้อมรอบ ก็ยิ่งทำให้อาคารรัฐสภาแห่งนี้มีความสวยงามจนยากที่จะละสายตาไปได้

6.หอนาฬิกาบิ๊กเบน Bigben



  หนึ่งในนาฬิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก สัญลักษณ์สำคัญของทั้งกรุงลอนดอนและสหราชอาณาจักร รวมถึงปรากฎอยู่ในงานศิลปะ หนังสือ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์มากมาย ในบทความนี้พาไปติดตามข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับประวัติของหอนาฬิกาบิ๊กเบน เช่น บิ๊กเบนไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกา การออกแบบและก่อสร้างหอนาฬิกาบิ๊กเบน และความเที่ยงตรงและแม่นยำของนาฬิกาบิ๊กเบน หอนาฬิกาบิ๊กเบน เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Palace of Westminster) ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกาบิ๊กเบน เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก


7.หอคอยแห่งลอนดอน Tower of london


เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ Thames ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สร้างโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1078 ตามสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ (Romanesque style) ที่ใหญ่โต ด้วยการดัดแปลงจากป้อมปราการให้กลายเป็นปราสาทขนาดใหญ่ด้วยหินทั้งอาคาร ภายในมีหอคอยกว่า 20 แห่ง และอาคารหลังใหญ่อีกหลายหลัง ภายในวงล้อมของกำแพงอันแข็งแกร่ง สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของชาวเมืองที่ต่อต้านชาวนอร์มัน และการป้องกันลอนดอนจากการรุกรานของข้าศึกจากภายนอก โดยเลือกสถานที่ก่อตั้งให้อยู่ใกล้แม่น้ำเทมส์ Thames เพื่อความสะดวกในการสังเกตการณ์ศัตรูที่อาจบุกเข้ามา และได้ขุดคลองรอบๆ ปราสาท เพื่อใช้เป็นอุปสรรคทางธรรมชาติ ตัวหอคอยใช้เป็นป้อม พระราชวังของพระมหากษัตริย์ ที่คุมขังนักโทษทางการเมือง และนักโทษที่เป็นชนชั้นสูงหรือมียศศักดิ์สูงเพื่อรอเวลาประหาร เช่น แอนน์ โบลีน (Anne Boleyn) พระมเหสีของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (Henry VIII) และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 (Edward V) ของอังกฤษ ความที่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและลานประหารนี่เอง ทำให้หอคอยแห่งลอนดอนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณหรือสิ่งลี้ลับ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้